ดูดไขมัน โดยคุณหมอลูกหนู
สวัสดีค่ะ หมอลูกหนูเองค่ะ เว็บนี้หมอทำขึ้นมาเพื่อที่จะแชร์ประสบการณ์การทำเคส ดูดไขมัน ด้วยเทคโนโลยี BodyTite, Microaire PAL, Vaser Smooth 2.2, FAT Focus ของหมอ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่สนใจการดูดไขมันและต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับการดูดไขมันเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนที่จะทำการดูดไขมันนะคะ
ในเว็บนี้หมอขอใช้คำพูดแบบง่ายๆ เหมือนเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟังนะคะ และขอไม่ใช้ศัพท์แบบทางการเพื่อความเข้าใจง่ายๆของทุกๆคนนะคะ หมอหวังว่าข้อมูลเกี่ยวกับการทำ BodyTite, Microaire PAL, Vaser Smooth 2.2, Body Jet , J Plasma, FAT Focus นวัตกรรมต่างๆในการดูดไขมัน ที่หมอจะแชร์คงเป็นประโยชน์สำหรับสมาชิกที่เข้ามาเยี่ยมชมแวะอ่านในเว็บของหมอลูกหนูนะคะ และข่าวดีพิเศษสุดๆ ตอนนี้เราสามารถนำไขมันที่เราดูดไขมันต้นแขน , ดูดไขมันต้นขา , ดูดไขมันหน้าท้อง , ดูดไขมันน่อง ดูดไขมันสะโพก หลังจากที่ดูดออกไปแล้ว ยังสามารถนำไขมันตัวเองกลับเข้ามาเติมไขมันในบริเวณต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นอัพไซส์ขนาดหน้าอก , เติมไขมันหน้าผาก , เติมไขมันหน้าเด็ก เด้งแบบเกาหลี ได้แล้วนะคะ แต่..ข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับการ “เติมไขมัน” , “ฉีดไขมัน” ( FAT Graft / FAT transfer) หมอจะมาเขียนให้ข้อมูลในหน้าถัดไปนะคะ




พร้อมกันหรือยังคะ ? มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ กับคำถามของ BodyTite, Microaire PAL, Vaser Smooth 2.2 , J Plasma, FAT Focus ที่เจอบ่อยมากๆ
ถือว่าถามกันเกือบทุกเคสเลยก็ว่าได้ค่ะ
กว่าจะได้ “ไขมัน…เต็มโถ” มาดูขั้นตอนการทำการ “ดูดไขมัน” กันค่ะ
ก่อนอื่นแนะนำเลยนะคะว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก “ปรึกษาแพทย์” หมอจะต้องให้คำปรึกษาแนะนำคนไข้ถึงวิธีการ ขั้นตอนต่างๆ ซึ่งสำคัญมากๆ นะคะ คนไข้ควร เตรียมคำถาม ที่ต้องการทราบมาเยอะๆ เลยค่ะ ก่อนจะตัดสินใจทำการรักษา ถามคุณหมอที่จะทำการรักษาจนได้รับคำตอบ ที่พอใจและได้รับทุกคำตอบแล้ว จึงค่อยทำกาตัดสินใจทำนะคะ
“หมอขอย้ำว่าการทำศัลยกรรมไม่ต้องรีบนะคะ
ค่อยๆ ตัดสินใจ ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ สวย”

เริ่มกันเลยนะคะ
1. หลังจากประเมินและเตรียมคนไข้เรียบร้อยแล้วว่าสามารถทำการดูดไขมันได้ หมอก็จะทำการวาดรูป Mark ตำแหน่งที่จะทำการดูดไขมัน และทำการวัดสัดส่วน ถ่ายรูปบริเวณที่เราจะทำการดูดไขมัน (ก่อนทำการรักษา) เพื่อเก็บบันทึกไว้เป็นประวัติของคนไข้ค่ะ
2. ทำการฉีดยาชาในบริเวณที่จะทำการเปิดแผล ((ขั้นตอนนี้อาจจะมีอาการเจ็บเล็กน้อยเหมือนการฉีดยาชาในการทำการรักษาทั่วไป เช่น การทำตา , การถอนฟัน))
3. ทำการเปิดแผลเล็กๆประมาณ 0.1 – 0.3 mm เพื่อที่จะใส่อุปกรณ์เข้าไปใส่ยาชา ((ขั้นตอนนี้ไม่เจ็บแล้วนะคะ))
4. ทำการใส่สารละลายน้ำเกลือผสมยาชาเข้าไปในชั้นไขมัน เพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายในขั้นตอนการสลายไขมันและการดูดไขมัน ปริมาณสารละลายที่ใส่เข้าไปของแต่ละคนจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่จะทำการดูดไขมันค่ะ ((ขั้นตอนนี้คนไข้จะรู้สึกตึงๆบริเวณที่ใส่ยาชาและน้ำเกลือเข้าไป))
5. ถึงตอนนี้ยาชาที่ผสมน้ำเกลือที่ใส่เข้าไปในชั้นไขมันก็กำลังออกฤทธิ์แล้ว ขั้นตอนต่อๆไปก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้วค่ะ เตรียมตัวทำสวยกันแบบ ชิว ชิว ฟิน สบ๊าย สบาย ได้เลยค่ะ
6. เข้าสู่ขั้นตอนการสลายไขมันกันนะคะ ขั้นตอนนี้จะ แตกต่างกัน แล้วนะคะ สำหรับการเลือกนวัตกรรมหรือเทตโนโลยีในการสลายไขมันจากไขมันก้อนใหญ่ๆ ให้กลายเป็นอนูเล็กๆ เพื่อง่ายต่อการดูดออกมา ขึ้นอยู่กับว่าแพทย์ผู้ทำการรักษาจะเลือกใช้นวัตกรรมใดค่ะ ปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนานวัตกรรมการดูดไขมันมาเรื่อยๆตั้งแต่ดูดด้วยท่อขนาดใหญ่ จนมาเป็นท่อ ขนาดเล็กเท่าหัวปากกา และมีผู้ช่วยสลายไขมันต่างๆ ตามมาไม่ว่าจะเป็น

- พลังงานเลเซอร์ (Laser Assisted Liposuction)
- พลังงานอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound Assisted Liposuction หรือที่รู้จักกันในชื่อ VASER)
- พลังงานเทอร์โบการสั่น (Power Assisted Liposuction)
- พลังงานแรงดันน้ำ (Water Assisted Liposuction)
ซึ่งตัวช่วยต่างๆที่หมอพูดถึงด้านบน จะช่วยให้สลายไขมัน จี้เซลล์ไขมันให้ละลายเป็นอนูเล็กๆง่ายต่อการดูดไขมันออกมา ทำให้แผลที่เปิดมีขนาดเล็กและผลข้างเคียงน้อยลง ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยลง แต่ก็ยังมี ปัญหา “ใหญ่” ที่ยังแก้ไม่ตก นั่นก็คือ เมื่อไขมันถูกดูดออกไปแล้วผิวหนังจะหย่อนคล้อย ย้วย เหี่ยว ยาน หรือ เป็นคลื่น ผิวอาจไม่สม่ำเสมอ เรียกได้ว่า แม้จะผอมแต่ก็ยังไม่มั่นใจที่จะอวดสัดส่วนอยู่ดี อาจจะต้องมีการทำทรีตเมนต์เพื่อสร้างความเรียบและผิวต้องกระชับหลังดูดไขมันไปแล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นจากการดูดไขมันเพื่อไปทำโปรแกรมกระชับ
นวัตกรรมที่ใหม่ล่าสุด ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ หลังจากการดูดไขมันไม่ว่าจะเป็น ผิวหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น ผิวไม่เรียบ ผิวไม่สม่ำเสมอ เจ้าตัวนี้เรียกว่า BodyTite เป็นการปฎิวัติการดูดไขมันครั้งสำคัญ เพราะไม่ใช่เพียงแค่ดูดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ ผิวบริเวณที่ไขมันถูกดูดออกไปแล้วกลับมาเรียบเนียน กระชับตึงขึ้นด้วย ที่เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะว่า BodyTite ใช้พลังงาน RF แบบเดียวกับเทอร์มาจที่เราใช้ยกกระชับหน้า ดวงตา หน้าท้อง หรือท้องแขนที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น ถือว่าโชคดีมากๆเลยนะคะ ที่มีนวัตกรรมที่มีทั้งสลายไขมันได้แบบอ่อนโยนและกระชับผิวได้ในขั้นตอนเดียว

รู้แบบนี้แล้วคนไข้ที่กำลังศึกษาข้อมูลการดูดไขมันลองคิดพิจารณาเบื้องต้นก่อนมาพบแพทย์ได้นะคะ ว่าเราต้องการแก้ปัญหาแบบไหนบ้าง จะได้เตรียมคำถามมาปรึกษาคุณหมอได้ตรงจุด ปัจจุุบันที่เป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักคุ้นหูของคนไข้ก็มี BodyTite และ Vaser Smooth 2.2 เครื่องมือ 2 ตัวนี้จะเหมือนกันตรงที่ ช่วยสลายไขมันที่แน่นๆ ก้อนใหญ่ๆ ให้ละลายกลายเป็นของเหลวเพื่อง่ายต่อการดูดไขมันออก และลดอาการข้างเคียงจากการดูดไขมันแบบเดิมๆ แต่…ก็จะมีข้อแตกต่างกันตรงที่ BodyTite จะมีส่วนหัวที่ช่วยส่งพลังงานไปช่วย ยกกระชับผิว ให้เรียบเนียน ไม่ย้วย ไม่เหี่ยว หลังการดูดไขมัน
สำหรับเคสที่ต้องการตอบโจทย์ในส่วนที่กังวลว่าหลังดูดไขมันไปแล้วจะ ย้วย เหี่ยว ยาน ก็จะเลือกให้หมอทำการรักษาด้วย BodyTite ค่ะ แต่สำหรับบางคนที่ต้องการลดสัดส่วนอย่างเดียวไม่ซีเรียสในเรื่องความกระชับ ก็เลือกเป็นนวัตกรรมอื่นๆได้เลยค่ะ
7. ผ่านขั้นตอนการสลายไขมันมาแล้วค่ะ ถ้าอยากนึกภาพตามง่ายๆว่าการสลายไขมัน เป็นยังไง ? ลองจินตนาการตามนี้นะคะ นึกถึงหมูสามชั้น ที่จะมีหนังหมู ไขมัน และเนื้อหมู ขั้นตอนการสลายไขมันจะไปทำให้มันหมูขาวๆ สลายออกมาเป็นไขมันเหลวพร้อมจะได้เราดูดออกมาได้ง่ายๆค่ะ
เห็นไหมคะ “ไขมันไหลมาตามสายแล้วค่ะ เหลืองนวลเชียว” เห็นแบบนี้แล้ว ฟินทั้งหมอ ฟินทั้งคนไข้เลยค่ะ ใกล้แล้วค่ะ อีกนิดเดียวก็ใกล้จะสวยแล้ว ((สีไขมันของแต่ละเคสจะแตกต่างกันไปนะคะ บางเคสสีเหลืองนวล บางเคสสีเหลืองเข้ม บางเคสสีก็ออกส้ม สีของไขมันขึ้นอยู่กับอาหารที่ชอบทานนะคะ )) ใครที่ชอบทาน เค้ก เนย นม หมูสามชั้น!!!!!!! รอรับไขมันเหลืองๆๆๆๆได้เลยคะ
8. ถึงเป้าหมายแล้วค่ะ ได้ไขมันสีเหลืองๆออกมาใส่โถให้คนไข้ได้ชื่นชมกันแล้วนะคะ
เห็นแล้วถึงกับอึ้งกันไปเลยค่ะว่านี่ไขมันที่ดูดออกมาจริงๆใช่หรอนี่ หมออยากฝากให้ทุกๆเคสที่ทำการดูดไขมันไปแล้ว เตือนตัวเอง ให้นึกถึงโถไขมันเหลืองๆ เสมอๆนะคะว่า อย่ากินเยอะ You’re what you eat ใช้คำนี้ได้เสมอค่ะ และอย่าลืมว่าหากอยากให้หุ่นสวยๆ อยู่คู่กับเราไปนานๆ ก็ออกกำลังกายควบคู่กับการดูแลเรื่องกานกินไปด้วยรับรองเลยค่ะว่าหุ่นสวยเป๊ะอยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน
ดูดไขมันกับคุณหมอลูกหนู มีนวัตกรรมมากถึง 5 รูปแบบ
นวัตกรรมการดูดไขมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ของการดูดไขมันออกมาเห็นผลและสวยงาม ซึ่งคุณหมอลูกหนูมีการดูดไขมันที่ทันสมัย สามารถเลือกให้เหมาะสมกับปัญหา และสรีระของแต่ละบุคคลได้อย่างตรงจุด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณลูกค้าทุกท่าน
Vaser Smooth 2.2
การดูดไขมันด้วยเครื่อง Vaser Smooth 2.2 เป็นการดูดไขมันที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ มีข้อดีคือ ดูดไขมันออกมาได้ในปริมาณมาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินจำนวนมาก
BodyTite
การดูดไขมันด้วยเครื่อง BodyTite เป็นการดูดไขมันด้วยคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ข้อดีของเครื่อง BodyTite คือ เป็นการดูดไขมันพร้อมกระชับผิวในคราวเดียวกัน ใครที่กำลังต้องการกำจัดไขมัน และเน้นกระชับสัดส่วน เครื่องนี้ถือได้ว่าเหมาะมากๆ ค่ะ
Microaire PAL
การดูดไขมันวิธีนี้เป็นการดูดไขมันโดยใช้แรงสั่นสะเทือน ข้อดีคือ สามารถดูดไขมันออกมาได้เยอะในเวลาอันรวดเร็ว และยังสามารถเข้าถึงได้ในบริเวณที่เข้าถึงยากอีกด้วย ทำให้ง่ายต่อการเก็บรายละเอียดต่างๆ สำหรับใครที่ต้องการดูดไขมันแบบรวดเร็ว แถมได้ไขมันออกมาในปริมาณมาก เหมาะกับเทคนิค Microaire PAL มากๆ ค่ะ
J Plasma
เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับการยกกระชับผิว โดยการทำงานของพลาสม่าฮีเลี่ยมผสานกับคลื่นพลังงานความถี่วิทยุ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความปลอดภัยสูง และยังทำได้หลังจากดูดไขมันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับผิวในบริเวณที่เกิดความหย่อนคล้อย และคนที่ไม่อยากไปตัดหนังหน้าท้องอีกด้วย
นวัตกรรมการดูดไขมัน เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์การดูดไขมันออกมาเห็นผล และสวยงาม คุณหมอลูกหนูเลือกใช้ Combination Technique โดยใช้เครื่องดูดไขมันมากกว่า 1 เครื่อง ให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อหุ่นที่สวย กระชับ เทคนิคเฉพาะของคุณหมอลูกหนูเท่านั้น
ดูดไขมัน แล้วต้องเย็บแผลไหม ?? กี่วันจะต้องมาตัดไหม ??
เนื่องจากปากแผลที่เล็กมากๆๆ เพียง 0.1 – 0.4 mm เท่านั้น สามารถทำได้ทั้งการเย็บปิดแผลหรือไม่เย็บก็ได้ค่ะ หากเย็บปิดปากแผลก็จะทำให้แผลค่อนข้างสวยงามทิ้งร่องรอยน้อย ส่วนการไม่เย็บปิดปากแผล ก็มีข้อดีตรงที่ จะช่วยทำให้สารละลายต่างๆที่ใช้ในการดูดไขมันและไขมัน ระบายออกมาได้ทำให้ลดอาการบวมได้เร็วกว่า ในกรณีที่มีเย็บปิดปากแผลคุณหมอจะทำการนัดเพื่อมาตัดไหม หลังทำการดูดไขมันไปแล้วครบ 1 สัปดาห์ค่ะ
*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อายุ และการดูแลรักษาหลังทำ
หลังดูดไขมัน “เห็นผล” เปลี่ยน size เสื้อผ้าได้เลย ใช่ไหม ??
จากที่หมออธิบายไปข้างต้นแล้วว่าในการดูดไขมันจะต้องมีการใส่น้ำเกลือผสมยาชาลงไปก่อนจะทำการดูดไขมัน ดังนั้นหลังจากดูดไขมันแล้วสัดส่วนจะยังไม่ได้ลดลงทันทีหลังทำค่ะ เพราะจะยังคงมีน้ำเกลือ (ที่ผสมยาชา) คงค้างอยู่ในบริเวณที่ทำการดูดไขมันไปบางส่วน ทำให้สัดส่วนบริเวณนั้นยังคงบวมน้ำเกลืออยู่ ต้องใจเย็นๆ รอให้น้ำเกลือออกให้หมดก่อนนะคะ ***ขอบอกเคล็ดลับนะคะ วิธีที่จะให้น้ำเกลือออกหมดเร็วๆ ต้องหมั่นขยับร่างกายบริเวณที่ทำการดูดไขมันให้มี movement เพื่อที่น้ำเกลือจะได้ไหลออกมาได้ง่ายๆ และที่สำคัญ ต้องใส่ชุดกระชับสำหรับดูดไขมันโดยเฉพาะหลังทำ จะช่วยให้ลดบวม และสัดส่วนเข้าที่ได้เร็วขึ้น *** และจะค่อยๆ ลดลงจนเข้าที่ โดยใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน
"ท่องไว้ค่ะ อยากสวย อย่าใจร้อน ต้องใจเย็นๆๆ"
ดังนั้น หากต้องการอวดรูปร่างที่สวยงามในวันสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงปาร์ตี้ งานแต่งงาน ไปอวดหุ่นสวยพร้อมบิกินี่ตัวเก่ง เราต้องวางแผนและคำนวณช่วงเวลาที่จะทำไว้ล่วงหน้านะคะ แล้วในวันสำคัญเราก็จะสามารถอวดหุ่นสวยได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ
(ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่สภาพร่างกายและการดูแลของแต่ละบุคคล)
หลังดูดไขมัน ผิวจะเหี่ยว หย่อนคล้อย หรือไม่
หมออยากให้ลองนึกภาพถึงลูกโป่ง ที่ใส่น้ำไว้จนเต็มเยอะๆ (เปรียบน้ำเสมือนไขมัน และลูกโป่งคือผิวของเรา) แล้วเราปล่อยน้ำออกจากลูกโป่ง (คือการดูดไขมันออก ไม่ว่าจะจากเครื่อง Vaser Smooth 2.2 หรือ BodyTite ก็ตาม) ลูกโป่งก็จะย้วยๆ มากกว่าก่อนที่เราจะใส่น้ำใช่ไหมคะ ผิวของเราก็เช่นกันค่ะ จากที่เคยขยายมากๆ มีไขมันอยู่เต็มแน่น เมื่อทำการดูดไขมันออกไปผิวก็มีโอกาสที่จะหย่อนคล้อยได้ค่ะ ดังนั้น หลังทำการดูดไขมันแล้ว คนไข้ควรทำโปรแกรมกระชับผิวเพิ่มเติม หรือเลือกนวัตกรรมที่มีการสลายไขมัน และกระชับผิวไปได้ด้วยในการทำครั้งเดียว พร้อมกันในขณะที่ทำการดูดไขมัน ก็จะทำให้ไม่ต้องมาทำโปรแกรมกระชับเพิ่มหลังจากดูดไขมันค่ะ
ดูดไขมันแล้ว น้ำหนักจะลงได้กี่กิโล ??
ต้องบอกก่อนนะคะว่า การดูดไขมัน ไม่ใช่ วิธีการลดน้ำหนักนะคะ ส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดกันเยอะค่ะว่าดูดไขมันแล้วน้ำหนักจะลดลงเยอะหลายสิบกิโล แต่ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ เดี๋ยวหมอจะอธิบายแบบง่ายๆ ให้นะคะ การดูดไขมันโดยการใช้เครื่องมือในการดูดไขมัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือตัวไหนทั้ง Vaser Smooth 2.2, BodyTite, Microaire PAL, Body Jet EVO หรือJ Plasma ก็ตาม ล้วนไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนักโดยตรงนะคะ แต่เป็นเพียงทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการ “ลดสัดส่วน” ปรับสรีระให้ดูดีสมส่วน โดยนำไขมันส่วนเกินในบริเวณที่กังวลออกไปทำให้สัดส่วนของเราดูดีขึ้น ใส่เสื้อผ้าได้สวยมากขึ้นค่ะ ดังนั้นการดูดไขมัน อาจทำให้น้ำหนักลดลงได้บ้างค่ะ แต่ไม่สามารถที่จะลดได้เยอะถึงขนาด 10 – 20 kg นะคะ ดังนั้นหากต้องการเน้นการลดน้ำหนัก เราอาจจะต้องดูแลด้วยวิธีการอื่นๆ เพิ่มเติมค่ะ หากใครที่กำลังสนใจการลดน้ำหนักแบบตรงจุด และปลอดภัย สามารถมาปรึกษากับหมอได้ที่คลินิกนะคะ
(****ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่สภาพร่างกายของแต่ละบุคคล)
ดูดไขมัน ทำ “บริเวณ” ไหนได้บ้าง สามารถทำพื้นที่เล็กๆอย่างเช่น เหนียงใต้คาง หรือ นมหนูข้างเสื้อชั้นใน ได้ไหม
ถ้าตอบว่า ทำได้ทุกส่วน ก็คงไม่ผิดค่ะ เพราะด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยในปัจจุบันนี้สามารถที่จะกำจัดไขมันส่วนเกิดและดูดออกปรับรูปร่างได้ทุกส่วนของร่างกายเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่ ใบหน้า , เหนียง(คาง2ชั้น) , หน้าอก , ต้นแขน , ปีกเสื้อใน , ปีกเอว , รักแร้ , หน้าท้อง , เอว , ก้น , ต้นขา , สะโพก และ น่อง เห็นไหมคะทำได้แทบครบทุกส่วนเลยจริงๆ
ทำไม ? หมอถึงบอกว่า การดูดไขมันคือ งานศิลปะ
หมอคิดว่าการดูดไขมัน เหมือนการสร้างงานศิลปะค่ะ ต้องออกแบบเลือกสรรค์ตำแหน่งในการดูดไขมันของแต่ละคนให้ดีและเหมาะสมที่สุด เพื่อให้ผลงานออกมาสมส่วน ไม่เบี้ยว ไม่เอียง เรียบเนียน สมูท และเป็นธรรมชาติมากที่สุด คนไข้ควรเข้ามาพบคุณหมอเพื่อประเมินจากร่างกายของเราก่อนค่ะ ว่าจะต้องทำการดูดไขมันบริเวณไหนบ้างจึงจะออกมาดูดีมากที่สุดนะคะ
การดูดไขมันสามารถทำได้ทั้งในคนที่อ้วนมีไขมันสะสมเยอะๆ และทั้งคนที่ผอมตัวเล็กแต่มีไขมันส่วนเกินในบางบริเวณก็สามารถทำได้ค่ะ ถ้าบีบแล้วมีความหนาของชั้นไขมันมากกว่า 3 cm. ก็สามารถทำการดูดไขมันได้ค่ะ ส่วนจะเลือกใช้เครื่องมือตัวไหนในการดูดไขมัน อาทิ vaser , body tite ต้องประเมินกันอีกทีค่ะ การดูดไขมันถูกสร้างมาตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาไขมันสะสมส่วนเกินโดยตรงค่ะ ถึงแม้ว่าอาจจะดูผอม ดูตัวเล็ก แต่ก็อาจจะมีสัดส่วนในบางบริเวณที่เรายังไม่พอใจหรืออยากทำให้ดูดีมากขึ้นกว่าเดิม ดูดไขมันก็สามารถแก้ไขปัญหาตรงส่วนนี้ได้ค่ะ

ดูดไขมัน “เจ็บ” มากไหม ? จะทนไหวไหม ?
ดูดไขมันด้วยวิธีเทคโนโลยีใหม่ในปัจจุบันนี้ อาทิ vaser , body tite ทำให้คนไข้เจ็บน้อยลงกว่าสมัยก่อนมากๆเลยค่ะ และยังมีการใช้ยาชาร่วมด้วย แต่ระดับความเจ็บของคนไข้แต่ละคนก็แตกต่างกันไปค่ะ คนไข้บางคนบอกว่าไม่เจ็บเลย บางคนบอกเจ็บนิดเดียวแค่ตอนฉีดยาชาเท่านั่นเหมือนมดกัด บางคนก่อบอกว่าอุ่นๆ ไม่เจ็บค่ะ ดั้งนั้นไม่ต้องกังวลในส่วนของความเจ็บนะคะ

ดูดไขมัน คิดราคา ยังไง ??
ในส่วนของการประเมินราคา ก็จะต้องเข้ามาพบหมอเพื่อประเมินจากสรีระจริงก่อนค่ะ ว่าเราต้องการใช้เครื่องมือตัวไหน อาทิเช่น Vaser Smooth 2.2, BodyTite, Microaire PAL, J Plasma และเราต้องการดูดไขมันในบริเวณไหน ไขมันสะสมมากน้อยแค่ไหนสามารถทำได้หรือไม่ ดังนั้นราคาก็จะแตกต่างกันไปตามปริมาณไขมันที่สะสมของไขมันมันส่วนเกินด้วยค่ะ เช่น ต้องการดูดไขมันบริเวณหน้าท้อง สำหรับคนที่หน้าท้องใหญ่ๆชั้นไขมันหนาๆ เส้นรอบวงเยอะ ใส่กางเกงไซส์ XL ราคาก็จะสูงมากกว่าคนที่ตัวเล็กไซส์กางเกงไซส์ที่เล็กกว่าค่ะ
การเข้ามาให้คุณหมอดูจากรูปร่างจริงจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการประเมินราคาค่ะ และได้ปรึกษารายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติมโดยตรงได้ด้วยค่ะ
ดูดไขมัน จำเป็นต้อง “วางยาสลบ” หรือเปล่า? แค่ฉีดยาชาอย่างเดียว ได้ด้วยหรอ?
เทคโนโลยีการดูดไขมันในปัจจุบันนี้ ทำให้คนไข้ที่ทำการดูดไขมันทั้ง vaser , body tite มีความบอบช้ำ ระบม เกิดขึ้นน้อยกว่าสมัยก่อนมากค่ะ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องวางยาสลบค่ะ แค่ใช้ “ยาชา” เพื่อระงับความรู้สึกเฉพาะบริเวณที่ทำการดูดไขมันก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าคนไข้กลัวและกังวลเรื่องความเจ็บมากๆๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอในเรื่องของการวางยาสลบเพิ่มเติมได้ค่ะ

ดูดไขมันไปแล้ว จะผอมถาวรเลยไหม ??
ไม่จริงเสมอไปค่ะ ว่าดูดไขมันแล้วจะไม่กลับมาอ้วนอีก เพราะหากเรายังชะล่าใจตามใจปาก enjoy eating เพลินกับการทานมากเกินไปนั้น ก็จะทำให้เกิดการสะสมไขมันขึ้นมาได้อีกค่ะ ในบริเวณที่เราดูดไขมันไปออกไปแล้วนั้นตะกลับมาอ้วนช้าที่สุดค่ะ แต่…ก็จะไปสะสมในบริเวณอื่นๆได้นะคะ ดังนั้นหมอมักจะแนะนำให้คนไข้ ดูแลเรื่องการทานหรือออกกำลังกายเพิ่มเติมเพื่อเป็นการดูแลสุขภาพต่อเนื่อง และหุ่นสวยๆก็จะอยู่กับเราไปอีกนานเลยค่ะ
ก่อน ดูดไขมัน ต้องเตรียมตัวอย่างไร

1. แนะนำ…ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นในกระบวนการดูดไขมันและความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการดูดไขมัน เพื่อที่เราจะได้ทราบว่าขั้นตอนกระบวนการต่างๆที่ต้องเกิดขึ้นเป็นอย่างไร
2. ควร…เข้ารับบริการดูดไขมันกับแพทย์ที่ได้รับใบประกอบฯ และ คลินิกที่มีมาตรฐาน ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง นะคะ
3. ควร…เข้ารับคำปรึกษากับแพทย์และซักถามข้อสงสัยต่างๆโดยละเอียด อาจลิสมาเป็นข้อๆเลยก็ได้ค่ะ ว่าเรากังวลหรืออยากรู้อะไรบ้าง แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะรักษาหรือไม่
4. อย่าลืม…เตรียมความพร้อมของร่างกาย งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารเสริมต่างๆ และยากลุ่มแอสไพริน ก่อนทำการดูดไขมันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ค่ะ
5. ต้อง…ทำการแจ้งแพทย์ก่อนทำการรักษานะคะ ว่ามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง มียาอะไรที่ต้องทานประจำ และแพ้ยาอะไรบ้างนะคะ
6. ควร…ใส่เสื้อผ้าหลวมๆสบายๆ เพราะหลังจากดูดไขมันคนไข้จะต้องใส่ชุดกระชับด้วย จะได้คล่องตัวค่ะ
การดูแล “แผล” หลังดูดไขมัน
การดูดไขมัน ไม่ว่าจะจากเครื่องมือชนิดใด ทั้ง vaser , body tite อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ จากบริเวณจุดเปิดทางเข้าอุปกรณ์ที่ใช้ อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ค่ะ โดยบริเวณที่เปิด จะมี 2 แบบคือ คุณเลือกการเย็บปิดแผล เพื่อให้แผลสวย หรือ อาจเปิดแผลไว้ เพื่อระบายน้ำเกลือ ยาชา หรือ ไขมันที่ตกค้างให้ระบายออกมาได้ดีมากขึ้น แต่หากเย็บปิดแผลไม่สามารถระบายออกมาได้ค่ะ
แผลจากการดูดไขมัน มีขนาดเล็กมากๆๆ เท่าหลอดยาคูลเองค่ะ หรือถ้าทำการดูดที่ใบหน้า แก้ม หรือเหนียง คาง 2ชั้น ขนาดแผลยิ่งเล็กมาก ประมาณแค่ 0.1 – 0.4 mm เองค่ะ หลังทำควรหลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณแผลจนกว่าแผลจะแห้งสนิท และเมื่อแผลแห้งสนิทดีแล้ว ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็สามารถทาครีมลดรอยแผลเป็นได้ค่ะ ดังนั้นต้องดูแลแผลให้ดีๆนะคะ จะได้โชว์หุ่นสวยๆได้โดยไม่ต้องหลบซ่อนรอยแผลเป็น

ดูดไขมัน หลังทำต้องใส่ชุดกระชับแบบไหน ??
การใส่ชุดกระชับหลังดูดไขมันเป็นขั้นตอนที่ สำคัญที่สุด ขั้นตอนนึงเลยค่ะ ชุดกระชับที่เหมาะสมในการดูดไขมัน หมอแนะนำว่าควรเป็นชุดกระชับที่ถูกออกแบบมาให้ใช้หลังการดูดไขมันโดยตรงค่ะ ซึ่งต้องมีความกระชับแน่นตามความเหมาะสม เพราะหลังจากดูดไขมันไปแล้วจะยังมีช่องว่างอยู่ค่ะ ชุดกระชับจะช่วยบีบรัดให้ช่องว่างแนบสนิท ทำให้ผิวเรียบเรียบ เนียบสวยเข้ารูปตามที่เราต้องการค่ะ
หลังจากดูดไขมันแล้วต้องใส่ชุดกระชับต่อเนื่อง 1-2 เดือนค่ะ โดยเฉพาะ 1 เดือนแรก แนะนำให้ใส่ตลอดเวลาเลยจะยิ่งดีค่ะ ยกเว้นตอนอาบน้ำค่ะ จะทำให้เข้าที่ได้เร็วมากขึ้น อย่าลืมนะคะ ว่า การใส่ชุดกระชับเป็นหนึ่งในขั้นตอนหลังการดูดไขมันที่สำคัญที่สุด !!!
หลังดูดไขมัน ต้องดูแลตัวเองอย่างไร ?? และต้องพักฟื้นกี่วัน ??
การดูดไขมัน ด้วยเครื่องมือเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเลือกเป็นเครื่อง Vaser Smooth 2.2, BodyTite, Body Jet EVO, Microaire PAL และ J Plasma ต่างก็ทำให้เกิดรอยเขียว ช้ำ ระบม บวม และเสียเลือดน้อยกว่าเมื่อก่อนมากๆ ค่ะ ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ ใช้เพียงแค่ยาชาเฉพาะที่ก็เพียงพอค่ะ ไม่ต้องพักฟื้นที่คลินิก สามารถขับรถได้ เดินทางกลับบ้านได้เลย หรือจะนัดเพื่อนๆ มาช๊อปปิ้งกันต่อก็ยังไหวค่ะ
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการดูดไขมันนั้นจะพัฒนาขึ้นมามากแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าจะไม่เกิดอาการเขียวช้ำเลยคงเป็นไม่ได้ค่ะ การดูดไขมันหรือการทำศัลยกรรมทุกชนิดจะต้องเกิดการเขียวช้ำบวมได้ค่ะ ส่วนการเขียว ช้ำ บวม อาจจะคงอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น รอยเขียวช้ำจะมากหรือน้อยก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล และผลลัพธ์ที่ได้อาจจะแตกต่างกันไปด้วยนะคะ
ขั้นตอนการดูแลตัวเองง่ายๆ มีดังนี้
1. ต้อง…ใส่ชุดกระชับทันทีหลังทำ และควรใส่ต่อเนื่อง 22-24 ชั่วโมง ในช่วง 1 เดือนแรกค่ะ
2.ไม่ควร…ให้แผลโดนน้ำ (หากโดนน้ำควรซับให้แห้ง) และอย่าให้แผลอยู่ในสภาวะเปียกชื้น จนกว่าแผลจะปิดสนิท
3. หลีกเลี่ยงอาหารประเภท ของหมักดอง อาหารทะเล ประมาณ 2-4 สัปดาห์ เพราะอาจเกิดการบวมและคันที่แผลได้
4. ควร…งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้เกิดการบวมและแผลอาจหายช้ากว่าปกติ
5. งด…การยกของหนัก ออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่กระทบกับบริเวณที่ทำการดูดไขมัน ประมาณ 2-4 สัปดาห์
6. ต้อง…ทานยาที่หมอจ่ายให้อย่างต่อเนื่องและครบถ้วนด้วยนะคะ
7. ต้อง…มาพบหมอทุกครั้งที่มีนัดมาติดตามผลหลังทำด้วยนะคะ

8. แผลจะมีขนาดเล็กมากๆ ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น สามารถกลับบ้านได้ทันที
4 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดูดไขมัน
1. การดูดไขมัน ไม่ใช่การลดน้ำหนัก
การดูดไขมันนั้นเป็นการเน้นนำไขมันออกจากร่างกาย และเน้นการลดสัดส่วนเท่านั้น เนื่องจากมวลไขมันจะมีน้ำหนักเบามากๆ ดังนั้นหลังดูดไขมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่น้ำหนักจะไม่ลดลงตาม
2. การดูดไขมัน ไม่สามารถดูดได้ทุกบริเวณ
ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) เป็นชั้นไขมันบริเวณที่ไม่สามารถดูดไขมันออกได้ หากต้องการดูดไขมันหน้าท้อง ก็จะสามารถดูดออกได้เพียงไขมันชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) เท่านั้นค่ะ
3. การดูดไขมัน ไม่ได้ทำให้หุ่นเพรียวทันที
หลังการดูดไขมันไปแล้ว ต้องรอให้ร่างกายเข้าที่ยุบบวมก่อนประมาณ 2-4 สัปดาห์ และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนหลังดูดไขมัน 3-6 เดือน
4. การดูดไขมัน ไม่ทำให้กลับมาอ้วนอีก
หลังจากดูดไขมันแล้ว หากเราไม่ดูแลตัวเอง อาจทำให้เซลล์ไขมันบริเวณอื่นๆ ที่ไม่ได้ทำการดูดไขมันขยายตัว และทำให้กลับมาอ้วนในบริเวณที่ไม่ได้ดูดไขมันได้
ดูดไขมันกับคุณหมอลูกหนู ทำให้คุณไว้วางใจในมาตรฐานทุกอย่าง เพราะเรามีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทางด้านการดูดไขมันมากว่า 14 ปี พร้อมที่จะให้คำแนะนำด้านการดูดไขมัน มีนวัตกรรมการดูดไขมันทุกรูปแบบที่สามารถช่วยปรับสัดส่วนและออกแบบรูปร่างได้อย่างตรงจุด พร้อมทั้งห้องดูดไขมันที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย และปลอดเชื้อ คุณลูกค้าที่เข้ารับบริการจึงมั่นใจได้ว่าการดูดไขมันกับคุณหมอลูกหนู มีความปลอดภัย เห็นผลจริง และได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอนค่ะ
คุณหมอลูกหนู “ตัวจริง” เรื่องการดูดไขมัน
ประสบการณ์ยาวนานกว่า 14 ปี
✔️แผลเล็ก ✔️เจ็บน้อย ✔️ไม่ต้องพักฟื้น
𝐂𝐎𝐍𝐓𝐀𝐂𝐓 𝐔S
LINE : @marvelousclinic
line.me/ti/p/@marvelousclinic Inbox : m.me/marvelousclinic
Tel : 081-533-0444
รวมรีวิวลูกค้าจริง
fb.me/doctorlooknuu.review
ชมข้อมูลเพิ่มเติม..ได้ที่ Youtube : youtube.com/c/DoctorLooknuu
Facebook : facebook.com/marvelousclinic
Instagram : instagram.com/marvelousclinic
Tiktok : tiktok.com/@dr.looknuu
เรื่องดูดไขมัน ไว้ใจให้คุณหมอลูกหนูดูแลนะคะ
