ลดเค็ม ผอมง่าย แค่นี้จริงหรอ?!
สาว ๆ หลายคนที่กลุ้มใจกับน้ำหนักที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำยังไงก็ไม่ยอมลด ทั้งที่เลือกกินอาหารดี ๆ และออกกำลังกายแล้ว จึงสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงอ้วน ทั้งที่ไม่ได้กินเยอะ บางทีอาจจะกินน้อยกว่าคนรูปร่างผอมด้วยซ้ำ แต่ด้วยวลีที่ว่า ผอมง่าย ๆ แค่ “ลดเค็ม” ดังนั้นลองสำรวจดี ๆ ว่าคุณทานอาหารรสจัดจนเคยตัวหรือเปล่า โดยเฉพาะ “รสเค็ม” วายร้ายที่ทำให้เราอ้วน แถมยังเสี่ยงโรคอีกต่างหาก
ไปดูพร้อมๆ กันเลยว่า “ความเค็ม” ทำให้เราอ้วนได้ยังไงบ้าง
เนื่องจากว่าร่างกายของคนเราฉลาด มีกลไกที่คอยปรับสมดุลระหว่างน้ำและเกลือโดยอัตโนมัติ เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายเรากับเกลือเข้ามา เมื่อนั้นมันก็จะสรรหาน้ำเข้ามาเพิ่ม เพื่อรักษาสมดุลตรงนี้ไว้ ด้วยเหตุนี้เอง
เคยสังเกตตัวเองกันไหมว่า ตัวเราเองดูบวมๆ อืดๆ พุงออก ท้องป่อง รู้สึกได้ว่าหน้าบวม แก้มบวม และน้ำหนักก็ยังขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุอีกด้วย เอ๊ะ หรือจริงๆ แล้วอาการทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นเพราะอ้วน แต่อาจจะเป็นอาการ “บวมน้ำ”
อาการบวมน้ำ คือ การที่ร่างกายเก็บกักน้ำเอาไว้เป็นจำนวนมาก และการที่ร่างกายได้รับน้ำเยอะ
แต่ไม่ใช่จากการที่เราดื่มน้ำมากเกินไป อาการบวมน้ำเกิดจากของเหลวที่ควรเดินทางผ่านหลอดเลือด และน้ำเหลืองกลับซึมเข้าสู่เซลล์และช่องว่างระหว่างเซลล์ ในร่างกายของคนเราจะสามารถรักษาระดับความสมดุลของน้ำในร่างกายได้อย่างธรรมชาติ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการบวมน้ำมีด้วยกันหลายสาเหตุ ดังนี้
1. ช่วงประจำเดือนอ้วนบวมน้ำ
เกิดจากการไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปสเจสเตอโรน จึงทำให้ร่างกายสะสมของเหลวมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ และอาจมีอาการท้องอืด
2. กินเค็มจนเกิดอาการบวมน้ำ
อาหารที่มีรสเค็มจะมีโซเดียม ที่ทำให้ร่างกายเกิดการบวมน้ำได้มากถึง 2 กิโลกรัม เพราะร่างกายจะทำการเก็บน้ำอัตโนมัติ เพื่อขับโซเดียมส่วนเกินออกทางไต
3. พุงบวมเพราะแอลกอฮอล์
เหล่านักดื่มที่จะตัวบวม พุงบวม ไม่ได้หมายความว่าบวมจากเหล้า แต่คือสมดุลโซเดียมในร่างกายผิดปกติ จึงอาจจะต้องดื่มน้ำตามเยอะๆ
ทั้งนี้ความอ้วนเกิดจากการกินอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย (Overeating) ซึ่งอาจเกิดจากชอบรสชาติอาหาร ความรู้สึกอยาก (แต่ไม่ได้หิว) หรือ แม้แต่ความผิดปกติของสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกหิวตลอดเวลา ยิ่งถ้ารวมกับการกินที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ ไม่ออกกำลังกายด้วยแล้วล่ะก็ โรคอ้วนก็มาเยือนรูปร่างเราได้ง่ายๆ เลย
วิธีแก้อาการบวมน้ำ
- หลีกเลี่ยงการปรุงอาหารเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เช่น กิมจิ ผักดอง ปลาร้า
- รับประทานกล้วย เพราะในกล้วยมีโพแทสเซี่ยม ช่วยจำกัดโซเดียมในร่างกายเราได้
- หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปต่าง ๆ เช่น อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
- ดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อให้ไตทำงานได้มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ของเหลวในร่างกายที่เพิ่มขึ้น ไม่ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ
- ออกกำลังกาย หลังจากเรารับประทานอาหารที่มีโซเดียมมาก ควรเผาผลาญพลังงานออกบ้าง ซึ่งร่างกายสามารถระบายโซเดียมออก ผ่านเหงื่อของเรานั่นเอง และดื่มน้ำให้เพียงพอต่อการสูญเสียจากการออกกำลังกายด้วยนะคะ
ทางองค์การอาหารและยา หรือ อย. กำหนดไว้ว่า ปริมาณของเกลือที่ร่างกายรับได้ในแต่ละวัน ไม่ควรเกิน 2,400 มิลลิกรัม หรือ 1 ช้อนโต๊ะเท่านั้น ฟังดูแล้วอาจจะคิดว่าใครมันจะไปกินเกลือได้ตั้ง 1 ช้อนโต๊ะ?
คำตอบคือ อาหารที่เรากินเข้าไปในแต่ละวัน จะมีปริมาณเกลือโซเดียมแอบแฝงอยู่จำนวนมาก โดยที่กินเข้าไปแล้วอาจจะไม่มีรสเค็ม เราจึงได้รับเกลือหรือโซเดียมมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการโดยไม่รู้ตัว
อาหารที่ควร ลดเค็ม เพราะมีโซเดียมสูง
- อาหารจากธรรมชาติ ปกติโซเดียมมีอยู่แล้วในทุกอาหาร เพราะได้มาจากเนื้อสัตว์ และผักผลไม้ แต่เป็นปริมาณโซเดียมที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จึงสามารถรับประทานได้ปกติ แต่อาจลดการปรุงรส
- อาหารจากการถนอมอาหาร การจะทำการถนอมอาหารได้อยู่ยาวนานมากขึ้นจำเป็นต้องใช้โซเดียมช่วย จึงเป็นอาหารที่มีโซเดียมสูงมาก ไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป เช่น อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง
- เครื่องปรุงรส ในเครื่องปรุงรสมีโซเดียมอยู่ในทุกชนิด เพียงแต่มีความน้อยหรือมากแตกต่างกัน สามารถดูปริมาณได้ในฉลาก หรือหากรับประทานอาหาร อาจลดการปรุงรสน้อยลง เพื่อลดปริมาณโซเดียมได้
เครื่องปรุงชนิดต่างๆ ที่อาจจะไม่มีรสเค็ม น้ำซุป ขนมบรรจุถุง ซอสมะเขือเทศ หรือแม้แต่ขนมปังที่มีโซเดียมจากผงฟู (โซเดียมไบคาร์บอเนต)
เราแทบจะไม่รู้เลยว่าอาหารเหล่านี้มีโซเดียมในปริมาณมาก ยังไม่นับความเค็มที่ได้จากนิสัยชอบโรยน้ำปลาพริกในข้าวและการกินอาหารสิ้นคิดอย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม
บางคนออกกำลังกายเป็นประจำ
แต่ก็น้ำหนักตัวก็ยังเท่าเดิม
รูปร่างก็ไม่ได้ดีขึ้น
ที่น่ากลัวกว่าความอ้วนก็คือ การกินเค็มยังเป็นสาเหตุของโรคไตวายเรื้อรัง ณ ขณะนี้ คนไทยมากกว่า 10% เป็นกันอยู่ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งโรคนี้เป็นแล้วรักษาไม่หาย ทำได้แค่รักษาเพื่อประคองอาการเท่านั้น ผู้ป่วยจะต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ครั้งละ 2 – 4 ชั่วโมง เพื่อต่อชีวิตไปเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายในการฟอกไตจะอยู่ที่ราวๆ 2,500 บาทต่อครั้ง ฟังดูไม่ใช่ชีวิตที่น่าจะสนุกเท่าไร
5 วิธีง่าย ๆ ลดเค็ม
เพียง ลด ดื่ม เลี่ยง ถอย เลือก ก็สามารถลดบวมลมเค็มได้ง่าย ๆ ดังนี้
- ลดน้ำซุปอูมามิ
- ดื่มน้ำลดบวมน้ำ
- เลี่ยงอาหารแช่แข็ง
- ถอยห่างจากอาหารเค็ม
- เลือกเครื่องดื่มที่มีโซเดียมต่ำ
ลดเค็ม ลดโรค
การกินเค็มและเกลือมากเกินไป จะทำให้เกิดโรคได้หลายโรค ดังนั้นการลดเค็ม และการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยลดการก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ ดังนี้
- โรคไต
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน
- เส้นเลือดในสมองแตก ทำให้เป็นอัมพฤกษ์
อัมพาต
- เสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
- เสี่ยงต่อโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
โรคเรื้อรังที่เกิดขึ้นแน่ หากยังปล่อยให้ตัวเองอ้วนลงพุงต่อไป
- ภาวะภูมิแพ้
- โรคเบาหวาน
- โรคอัลไซเมอร์
- ภาวะไขมันพอกตับ
- โรคไขมันในเลือดสูง
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคหลอดเลือดหัวใจขาดเลือด
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- โรคหัวใจ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)
รู้แบบนี้ก็อย่าลืมคิดก่อนกิน เพราะไม่ว่าเราจะกินอะไร ก็จะส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตทั้งนั้น อยากได้ชีวิตแบบไหนก็ต้องเลือกเองว่าจะ “เลือกกิน” แล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หรือ “กินไม่เลือก” แล้วรับความเจ็บป่วยที่จะตามมาภายหลัง เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง เรามาดูหุ่นสุดแซ่บแบบมีสุขภาพดีกันค่ะ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนตั้งใจฟิตเพื่อหุ่นสวย ได้มีแรงฮึบขึ้นมาอีกครั้งค่ะ
“เช็คอ้วน” ด้วยเส้นรอบเอว หรือ เส้นรอบพุง
การวัดเส้นรอบเอวหรือเส้นรอบพุง สามารถใช้สายวัด วัดผ่านสะดือแบบขนานกับพื้นช่วงตอนเช้าก่อนกินอาหาร รัดสายวัดให้กระชับลำตัวไม่แน่นจนเกินไป และอ่านค่าในจังหวะหายใจออกพอดี
ซึ่งผู้ชายจะต้องมีค่าเส้นรอบเอวไม่เกิน 90 เซนติเมตร และผู้หญิงไม่เกิน 80 เซนติเมตร ถ้าเส้นรอบเอวใหญ่เกินกว่านี้อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ จากโรคอ้วนได้
เพราะฉะนั้น เราจึงไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนักทั้งตัวหรือกังวลกับตัวเลขน้ำหนักตัวบนตราชั่ง เพื่อแลกกับการมีหุ่นสวยอีกต่อไปแล้วค่ะ แค่เปลี่ยนมาเป็นการรักษาที่ต้นเหตุของความอ้วน เพียงเท่านี้การมีหุ่นสวยก็จะไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป
คุณหมอลูกหนู มีตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนที่ต้องการมีหุ่นสวย สุขภาพดี แบบปลอดภัย มาแนะนำค่ะ
Signature Slim เป็นโปรแกรมการลดน้ำหนัก ที่แตกต่างจากวิธีอื่นๆ เป็นการรักษาที่ต้นเหตุของความอ้วน โดย คุณหมอลูกหนู จะออกแบบโปรแกรมให้เฉพาะบุคคล นับได้ว่าเป็นตัวช่วยให้หุ่นสวยสุขภาพดี ซึ่งรับรองถึงความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ลดจริง ลดเร็ว ไม่โทรม โปรแกรม Signature Slim โดยคุณหมอลูกหนูมีหน้าที่เพื่อช่วยควบคุมปริมาณอาหารที่กินในแต่ละวัน เพิ่มกระบวนการเผาผลาญพลังงาน และเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นให้กับร่างกาย แถมยังเป็นตัวช่วยในการลดความอยากอาหาร ลดไขมัน เรียกได้ว่าผอมแบบปลอดภัย และสุขภาพดีอีกด้วยค่ะ
คุณหมอลูกหนู พร้อมให้คำปรึกษา และดูแลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน ตั้งแต่วิเคราะห์หาสาเหตุต้นตอของการมีภาวะน้ำหนักเกิน โดยการวิเคราะห์ปัญหาของลูกค้าแต่ละท่านอย่างตรงจุด และออกแบบการลดน้ำหนักเฉพาะบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยสูงสุด
หากใครที่สนใจอยากให้ คุณหมอลูกหนู ดูแลคุณ เพื่อให้คุณกลับมามั่นใจในรูปร่าง และมีสุขภาพดีอีกครั้ง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดคิวปรึกษาคุณหมอได้เลยนะคะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 081-533-0444
[[ LINE ID ]] @marvelousclinic (มี @ ด้วยนะคะ)
ดูดไขมันลดน้ำหนักและสัดส่วน
ปลอดภัย ใส่ใจทุกขั้นตอน
ดูแลอย่างใกล้ชิด ได้มาตรฐาน
โดย คุณหมอลูกหนู และทีมแพทย์ด้านการออกแบบรูปร่าง
𝐂𝐎𝐍𝐓𝐀𝐂𝐓 𝐔S
𝐋𝐢𝐧𝐞 : line.me/ti/p/@marvelousclinic
𝐓𝐞𝐥 : 081-533-0444
𝐈𝐧𝐛𝐨𝐱 : http://m.me/marvelousclinic
𝐈𝐆 : www.instagram.com/marvelousclinic
𝐘𝐨𝐮𝐭𝐮𝐛𝐞 : www.youtube.com/c/DoctorLooknuu