ไขข้อสงสัย ลดน้ำหนัก ลดสัดส่วน ต่างกันอย่างไร

หากพูดถึงการ ลดน้ำหนัก VS ลดสัดส่วน แล้ว

ความเชื่อของคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับการลดน้ำหนัก มักคิดว่า การลดน้ำหนักที่ดี

คือ การลดน้ำหนักเยอะ ๆ และรวดเร็ว จะทำให้หุ่นดี เพรียวสวย

แต่รู้หรือไม่ว่าการลดน้ำหนัก กับลดสัดส่วนนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง อีกทั้งยังส่งผลต่อสุขภาพในรูปแบบที่แตกต่างกันด้วย แม้ทั้งสองอย่างจะทำให้ผลที่ได้คือ ผอมลง แต่สุขภาพและความกระชับที่ได้มานั้นไม่เหมือนกัน

ทฤษฎีเกี่ยวกับการออกกำลังกายที่หลายคนต่างเชื่อจนกลายเป็นข้อเท็จจริงที่ฝังแน่นอยู่ในความรู้ของเรามาเป็นเวลานานว่า การออกกำลังกายที่เรารู้ว่าจะต้องออกอย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป หรือการที่มีเหงื่อออกจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผอมลงได้ ไปจนถึงหลักการลดน้ำหนักด้วยวิธีอดอาหารก็ล้วนเป็นทางเลือกที่ผู้คนเลือกใช้ตามความเชื่อและความรู้ที่ได้รับมา แต่ว่าเรื่องราวเหล่านี้ยังมีบางส่วนที่ถูกบิดเบือนไปจากความจริง

เนื่องจากเป้าหมายของการออกกำลังกาย คือ การกำจัดไขมันส่วนเกิน ดังนั้นน้ำหนักที่ลดลงไปจึงไม่ได้เป็นผลสรุปได้ว่าเราจะผอมลงได้และไม่กลับมาอ้วนอีก หากสังเกตให้ดีผู้หญิงที่ออกกำลังกายอย่างถูกวิธี กับผู้หญิงที่ออกกำลังกายแบบผิด ๆ เมื่อนำมาชั่งน้ำหนักพร้อมกัน ก็จะพบว่าคนที่ออกกำลังกายอย่างถูกวิธี มีน้ำหนักมากกว่า ส่วนคนที่ออกกำลังกายแบบผิด ๆ มีน้ำหนักน้อยกว่า แต่เมื่อเทียบสัดส่วนกันแล้วกลับพบว่าคนที่ออกกำลังกายแบบถูกต้องมีหุ่นที่ผอมเพรียวและกระชับ ส่วนคนที่ออกกำลังกายแบบผิด ๆ กลับยังดูอวบอ้วน ลักษณะแบบนี้คงจะเป็นหนึ่งในความเชื่อผิด ๆ ที่เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกกับความรู้ใหม่ แล้วเปลี่ยนความคิดเดิม ๆ สู่การออกกำลังกายอย่างถูกวิธีกันให้มากขึ้น

อีกทั้งบางคนคิดว่าการที่น้ำหนักขึ้นหรืออ้วนขึ้นนั้น เป็นเพราะทานเยอะมากจนเกินไป จึงทำให้เกิดไขมันสะสม จึงแก้ด้วยการอดอาหารในช่วงระยะหนึ่ง ซึ่งได้ผล น้ำหนักลดจริง แต่ลดไม่ได้นาน เพราะเมื่อกลับมารับประทานปกติก็จะกลับมาอ้วนอีกครั้ง และบางทีรับประทานน้อยกว่าเดิมแต่อาจจะทำให้อ้วนกว่าเดิมอีกด้วย

นั่นเพราะคนเราไม่ได้อ้วนจากน้ำหนักเยอะ
แต่อ้วนเพราะไขมันเยอะ

ซึ่งแตกต่างจากผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยการลดไขมัน ทำกิจกรรมให้ร่างกายได้เพิ่มอัตราการเผาผลาญ คุณหมอลูกหนู จะมาเปรียบเทียบกันดูว่าการลดน้ำหนัก และลดสัดส่วนนั้นต่างกันอย่างไร และควรทำแบบไหนมากกว่าที่จะเกิดผลดีต่อร่างกาย

ลดน้ำหนัก VS ลดสัดส่วน ต่างกันอย่างไร?

ลดน้ำหนัก VS ลดสัดส่วน ความหมายนี้อาจจะดูเหมือนเรื่องเดียวกัน แต่ทว่า “การลดน้ำหนัก” นั้น คือการพูดรวม ๆ ถึง “การลดน้ำหนักของร่างกายโดยรวมทั้งหมดให้เบาลง”

ซึ่งมันจะรวมไปถึงน้ำหนักจากน้ำในร่างกาย ของเสีย อาหารที่เรารับประทานเข้าไป ไขมัน และกล้ามเนื้อด้วย ดังนั้นหากเราใช้วิธีชั่งน้ำหนักเป็นตัวกำหนด จะสังเกตได้ว่าแค่กินน้ำเข้าไปสัก 2-3 แก้ว น้ำหนักตัวก็เพิ่มขึ้นได้อย่างง่าย ๆ เพราะฉะนั้นตัวเลขบนตาชั่งจึงไม่สามารถนำมาใช้เป็นตัววัดในการลดน้ำหนักที่ถูกต้องได้เลย แต่เป็นเพียงแค่ตัวช่วยเสริมเพื่อให้เราทราบถึงน้ำหนักมวลรวมที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น

ส่วน “การลดสัดส่วน” คือ การลดสัดส่วนเฉพาะส่วน เพราะจะมีเป้าหมายในการออกกำลังกายและควบคุมอาหารของเราก็เพื่อกำจัดเอาส่วนของไขมันออกไป แล้วแทนที่มันด้วยกล้ามเนื้อที่มีขนาดเล็กและกระชับมากกว่า แม้จะเทียบในสัดส่วนน้ำหนักที่เท่ากัน แต่ด้วยไขมันเป็นของเหลวมันจึงมีขนาดใหญ่ ส่วนกล้ามเนื้อจะเล็กกว่าเป็นสองเท่าตัว

อย่างแรกที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบกันเลยว่า จริงๆ แล้วมวลไขมันนั้นมีน้ำหนักค่อนข้างเบา แต่มีขนาดหรือมวลที่ใหญ่ เมื่อเทียบกับมวลกล้ามเนื้อที่มีความหนาแน่นมากกว่า หากนำไขมันและกล้ามเนื้อในส่วนที่น้ำหนักเท่ากันกล้ามเนื้ออาจมีขนาดที่เล็กว่าขนาดไขมันหากยังนึกไม่ออกว่าลดความอ้วนกับลดน้ำหนักต่างกันอย่างไร ลองนึกถึงภาพ

เหล็ก 1 กิโลกรัม VS สำลี 1 กิโลกรัม ว่าอะไรหนักกว่ากัน?

คิดว่าทุกคนคงจะพอมองภาพออก เพราะเหล็กและสำลีหนัก 1 กิโลกรัมเท่ากัน

แต่ภาพในหัวเรามักจะรู้สึกว่าเหล็กหนักกว่าอยู่เสมอ

สิ่งที่จะไม่เท่ากันอย่างแน่นอนเป็นเรื่องของปริมาตร

โดยสำลี 1 กิโลกรัมย่อมมีขนาดใหญ่กว่าเหล็ก 1 กิโลกรัมหลายเท่า

เช่นเดียวกันกล้ามเนื้อและไขมันในน้ำหนักที่เท่ากัน ไขมันจะมีขนาดใหญ่กว่าเกือบ 3 เท่า ฉะนั้นถ้าออกกำลังกาย ควบคุมอาหารแล้วเกิดอาการน้ำหนักไม่ลด ก็ไม่ต้องวิตกกังวลรีบไปอดอาหารให้ร่างกายทรุดโทรม เพราะถ้าออกกำลังกายแล้ว มวลกล้ามเนื้อมากขึ้นไขมันลดลงก็อาจทำให้น้ำหนักคงที่ได้

ให้ลองสังเกตตนเองในกระจก

รอบเอว

รอบขา

เลิกชั่งตาชั่งทุกวัน

เพราะน้ำหนักตัวเราเปลี่ยนแปลงได้ง่ายมากและไม่ได้เป็นตัวชี้วัดที่ดีเท่าไร

กล้ามเนื้อ สำคัญอย่างไรในกับ “การลดน้ำหนัก”

ในการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญพลังงานมากขึ้นกว่าเดิมนั้น มวลกล้ามเนื้อในร่างกายของเราจะดึงแคลอรีออกมาใช้ จากอาหารที่เรากินเข้าไปและเมื่อเผาผลาญพลังงานจนหมด กล้ามเนื้อจะดึงเอาไขมันส่วนเกินมาเผาผลาญเพิ่ม ซึ่งแม้ว่าเราจะอยู่นิ่ง ๆ ร่างกายก็จะเผาผลาญไขมันมากกว่าคนที่มีกล้ามเนื้อน้อย แต่ไม่ใช่การอดอาหารเพื่อให้ร่างกายเผาผลาญไขมันส่วนเกิน เพราะการอดอาหารจะทำให้พลังงานจากการเผาผลาญโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตไปเลี้ยงมวลกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ อาจเกิดการสูญเสียกล้ามเนื้อและส่งผลให้ระบบเผาผลาญทำงานได้น้อยลง และสุดท้ายก็จะอ้วนในที่สุด

ลดน้ำหนัก

อดอาหารแบบหักดิบ
ออกกำลังกายหนัก หรือมากเกินพอดี
ระบบเผาผลาญต่ำ
SKINNY FAT

ลดสัดส่วน

กินแต่พอเหมาะ พอดี
เบิร์นไขมัน สรางกล้ามเนื้อ
ระบบเผาผลาญทำงานดี
LEAN & STRONG BODY

ซึ่งนี่เป็นสาเหตุของปัญหาลดน้ำหนักแต่สัดส่วนไม่ลดลง น้ำหนักลดลงเร็วแต่กลับมาโยโย่ หรือกินอะไรก็อ้วนง่ายเนื่องจากไขมันส่วนเกินที่ถูกเผาผลาญไปแล้วมวลกล้ามเนื้อจะเข้าไปแทนที่ ซึ่งแม้ว่ากล้ามเนื้อจะมีปริมาณ 1 กิโลกรัม เท่ากับมวลไขมัน แต่ขนาดของมวลกล้ามเนื้อก็จะน้อยกว่า ทำให้หุ่นเราสวย เป๊ะ !

สำหรับคนที่อยากลดสัดส่วนแนะนำให้ใช้การเวตเทรนนิ่ง เนื่องจากการคาร์ดิโอเป็นการออกกำลังกายที่ดี ทั้งต่อสุขภาพ และเพื่อลดน้ำหนัก แต่เนื่องจากการลดน้ำหนัก เป็นการเอาไขมันมาใช้ได้ดีเกินไปก็เลยอาจจะเกิดปัญหา ยิ่งโดยเฉพาะกับคนที่อดอาหารควบคู่ด้วย ก็อาจจะเกิดอาการหนังเหี่ยว แขนห้อย ต้นขาย้อยตามมา เพราะไขมันใต้ผิวหนังถูกนำมาใช้เร็วเกินไป ที่สำคัญถ้าเน้นไปที่การคาร์ดิโออย่างเดียวก็อาจจะพบปัญหาอาการโยโย่เอฟเฟ็กต์ได้ เพราะไขมันคือสมบัติของร่างกายที่จะต้องถูกสำรองไว้ ดังนั้นเมื่อไขมันถูกนำมาใช้อย่างรวดเร็วร่างกายก็จะเกิดความเครียด จึงทำการลดการเผาผลาญลง สลายมวลกล้ามเนื้อและเร่งการสะสมไขมันมากขึ้น

โดยการลดสัดส่วน เป็นการลดไขมันเฉพาะส่วน ที่ช่วยลดปริมาณไขมันหรือลดขนาดของไขมัน เป็นการปรับสัดส่วนให้มีรูปร่างเข้าที่ และสวยงามมากขึ้น โดยคุณหมอลูกหนูได้ออกแบบการรักษาเป็น 2 หัวข้อหลัก ๆ ดังนี้

ลดไขมัน ด้วยการดูดไขมัน

การดูดไขมัน เทคนิคของคุณหมอลูกหนู

สูตรลับเฉพาะตัว การดูดไขมัน เทคนิค แผลเล็ก เจ็บน้อย ชิวเว่อร์ คุยสบาย ฟื้นตัวเร็ว

โดยขั้นแรกคุณหมอลูกหนูจะทำการวิเคราะห์สรีระ และปัญหาของแต่ละเคสแบบ 1 by 1 ออกแบบรูปร่างเฉพาะบุคคล เพื่อหน้าท้องที่แบนราบ ตึงกระชับ เรียบเนียน หลังจากที่ดูดไขมันออกไป ซึ่งการดูดไขมันเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้สัดส่วนมีขนาดเล็กลงได้ในทันที หมดปัญหาไขมันส่วนเกินไปได้เลย

ลดไขมัน แบบไม่ต้องดูดไขมัน

การลดไขมัน แบบไม่ต้องดูดไขมัน เป็นวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีเปิดแผล ไม่ต้องฉีดยาชา ไม่เจ็บ และไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์สามารถกำจัดไขมันได้อย่างถาวร เหมือนกับการดูดไขมัน แต่เป็นการฆ่าเซลล์ไขมันและขับออกจากร่างกายผ่านการขับถ่ายของเสียทางร่างกายตามปกติ

โดยคุณหมอลูกหนูได้คัดสรรเลือกนวัตกรรมที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง เห็นผลการรักษาดี เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ได้มาตรฐานระดับสากล คนไข้จึงมั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัยของโปรแกรมการรักษาที่ได้รับอย่างแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม

แต่ถ้าหากเกิดกังวลเรื่องการลดน้ำหนัก . . . คุณหมอลูกหนูแนะนำวิธีที่ดีที่สุดด้วย

ลดน้ำหนักด้วย โปรแกรม Signature Slim

โดยคุณหมอลูกหนู มีเทคโนโลยีล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อ “ลดหิว อิ่มนานยิ่งขึ้น” เป็นการลดน้ำหนักที่ต้นเหตุ ออกแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งการทานอาหารยังคงทานได้ตามปกติ ของอร่อยก็ไม่หวั่น เพียงโปรแกรมนี้จะทำให้

รู้สึกอิ่มเร็ว

ลดความรู้สึกหิว

ลดความอยากอาหาร

ซึ่งช่วยให้ควบคุมอาหารได้ง่ายขึ้น โดยเป็นการลดน้ำหนักที่ต้นตอของเรื่อง และไม่ต้องเหนื่อยออกกำลังกายด้วย โดยการควบคุมอาหารส่งผลต่อการลดน้ำหนักได้ถึง 80% และสามารถหยุดทำโปรแกรมนี้ได้เมื่อน้ำหนักลดลงอย่างเป็นที่น่าพอใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอาการโยโย่ขึ้นเหมือนกับยาลดน้ำหนักเลยที่สามารมลดสัดส่วนเฉพาะจุดได้

อ่านเพิ่มเติม

เหตุผลที่ควรเลือกลดน้ำหนัก และสัดส่วน กับคุณหมอลูกหนู

ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่มากด้วยประสบการณ์ด้านการออกแบบรูปร่างที่มีประสบการณ์ และมีเทคนิคเฉพาะ จึงสามารถให้การรักษาที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด
มีนวัตกรรมหลากหลายในการลดสัดส่วน เลือกสรรค์ให้เหมาะสมกับปัญหาแต่ละบุคคล ซึ่งหมายถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าในการกำจัดไขมัน สามารถตอบสนองการลดสัดส่วนในทุกพื้นที่ของร่างกาย และใช้เวลาที่น้อยกว่า
ออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคล ผสมสานนวัตกรรมในการลดสลายไขมัน ทำให้เสริมประสิทธิภาพในการลดสัดส่วนให้ได้ผลที่ชัดเจน และรวดเร็วมากขึ้น

คุณลูกค้าที่ต้องการปรึกษาคุณหมอลูกหนู เรื่องการดูดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบเห็นผลจริง และปลอดภัย สามารถส่งรูป หรือ พิมพ์ข้อความ เข้ามาปรึกษาคุณหมอลูกหนูก่อนได้เลยค่ะ คุณหมอยินดีให้คำปรึกษาและแนะนำคุณลูกค้าทุกท่านค่ะ