ดูดไขมัน เอวS

ดูดไขมันเอวคอด เอวS กับคุณหมอลูกหนู ใช้เทคนิคอะไร?

1. เป็นการผสมผสานเทคนิคการดูดไขมันขั้นสูง เพื่อกำจัดไขมันเอวS เป็นการดูดไขมันบริเวณเอวที่เป็นส่วนเกิน ซึ่งเอวเป็นบริเวณต่อเนื่องจากหน้าท้อง นิยมดูดไขมันหน้าท้องและเอวพร้อมกันเพื่อหุ่นเพรียวสวยในครั้งเดียว ทำให้คนไข้มีหน้าท้องแบนราบ พร้อมกับเอว S ได้รูปสวยงามและเฟิร์มกระชับไปพร้อมๆกัน

2. เป็นเทคนิคการดูดไขมันเอวS แบบนุ่มนวล แผลเล็กซ่อนแผล เจ็บน้อย บวมช้ำน้อยมาก หลังทำเสร็จสามารถกลับบ้านได้เลย

3. ใช้หลายเครื่องมือในการทำแต่ละครั้ง ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้เป็นหลัก คุณหมอออกแบบรูปร่างเฉพาะบุคคล เคสต่อเคส รักษาอย่างตรงจุด ทำให้การดูดไขมันเอวS เพื่อปรับเอวหนาให้เพรียวบางมีส่วนเว้าส่วนโค้งของรูปร่างมากขึ้น ออกมาดูสวยเข้ารูป และเป็นธรรมชาติ

4. การดูดไขมันเอวS คนไข้ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบเนื่องจากไม่มีความเจ็บปวดรุนแรง ในระหว่างการดูดไขมันเอว S และเอวเป็นบริเวณที่มีพื้นที่ไม่เยอะมาก ใช้เวลาในการดูดไขมันเอว S เพียง  1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นคุณหมอลูกหนู จึงใช้เทคนิคการใช้ยาชาเฉพาะที่เท่านั้น สำหรับการดูดไขมันเอว S คนไข้ไม่ต้องรับผลข้างเคียงจากการดมยาสลบ หลังทำเสร็จคนไข้สามารถกลับบ้านได้เลย

ใครที่เหมาะกับการดูดไขมันเอวS ?

• ลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายแล้ว แต่ก็ไม่สามารถมีเอวS ได้ตามต้องการ

• พยายามสร้างเอวที่มีส่วนโค้งเว้าด้วยตัวเอง แม้จะลดน้ำหนักจนตัวผอมแต่เอวก็ยังไม่มี

• ลดเอวด้วยตัวเองใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล แต่บางคนมีความต้องการที่จะมีเอวS อย่างเร่งด่วน ไม่มีเวลามากพอที่จะลดเองการดูดไขมันจึงเป็นทางออกที่เห็นผลอย่างรวดเร็ว

• มีอุปสรรคในการลดสัดส่วนจากโครงสร้างของร่างกาย เป็นคนที่มีรูปร่างตรงไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งของเอว  

• มีหน้าท้องที่ใหญ่ประกอบกับเอวหนา ต้องการที่จะกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปพร้อมๆ กันเพื่อหุ่นเพรียวสวย

ดูดไขมัน เอวS เจ็บไหม?

ในสมัยก่อนนั้นวิธีการดูดไขมันแพทย์อาจจะต้องใช้แรงมือกระทุ้ง เพื่อทำให้ไขมันแตกตัว จึงมีโอกาสมากที่เข็มจะแทงเข้าไปโดนเส้นเลือด เส้นประสาท หรือเนื้อเยื่อข้างเคียงได้ ส่วนในปัจจุบันเทคโนโลยีที่ใช้ดูดไขมันถูกพัฒนาเพื่อให้คนไข้รู้สึกเจ็บน้อยลง รวมทั้งมีการใช้ยาชาแทนการวางยาสลบ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อคนไข้ได้ และเครื่องมือก็อำนวยความสะดวกให้กับแพทย์มากขึ้นด้วย การ ดูดไขมันเอวS จึงจะรู้สึกเจ็บแค่ตอนใส่ยาชาก่อนดูดไขมันเท่านั้นค่ะ หลังจากนั้นช่วงระหว่างดูดไขมันคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บแล้วนะคะ แต่เมื่อไขมันบริเวณเอวเริ่มหมดจนเหลือแต่ชั้นผิวหนังกับกล้ามเนื้อ คนไข้อาจจะรู้สึกแปลบ ๆ ได้บ้างค่ะ

ดูดไขมัน เอวS ต้องใช้ยาสลบไหม?

การ ดูดไขมันเอวS มีวิธีระงับความเจ็บปวดระหว่างการดูดไขมันโดยการ วางยาสลบ และการใช้ยาชา ทั้งสองวิธีจะมีผลข้างเคียง และภาวะแทรกซ้อนที่แตกต่างกันออกไป โดยการเลือกวิธีระงับความเจ็บปวดนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของบุคคล และยังต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนการตัดสินใจดูดไขมัน ซึ่งในปัจจุบันการ ดูดไขมันบริเวณเอว จะนิยมใช้ยาชาเฉพาะที่มากกว่าการวางยาสลบ เนื่องจากระหว่างทำการดูดไขมันคนไข้จะได้รู้สึกตัว มีสติตลอดเวลา มีภาวะแทรกซ้อนและเอฟเฟ็กต์น้อยกว่ายาสลบ อีกทั้งคนไข้ยังสามารถกลับบ้านได้เลยหลังจากการดูดไขมันเสร็จ ดังนั้นการดูดไขมันเอวS จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาสลบแล้วค่ะ ใช้แค่ยาชาเฉพาะที่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการดูดไขมันในบริเวณนี้

ต้องเลือก ดูดไขมันเอวS วิธีไหน? ให้เหมาะกับเรา

ในปัจจุบันนิยมแบ่ง และเรียกชื่อวิธีการดูดไขมันตามเครื่องมือที่ใช้ ได้แก่

• Body Tite

• Vaser Smooth 2.2

• Microaire PAL

• Body Jet

• J Plasma

ดูดไขมันเอวS ด้วย Body Tite

Body Tite เป็นการดูดไขมันที่ปล่อยคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency Assisted Liposuction) ออกมา เพื่อช่วยในการสลายไขมันบริเวณเอว ทำให้สามารถดูดไขมันออกมาได้ง่าย ซึ่งคลื่นวิทยุนี้มีความปลอดภัยสูง และถูกใช้กันอย่างกว้างขวาง เพราะข้อได้เปรียบของคลื่นวิทยุ มีส่วนทำให้ชั้นผิวหนังแท้มีการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวมีความกระชับขึ้น ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของ Body Tite เลยทีเดียวค่ะ

ข้อดีของ Body Tite

• Body Tite เป็นเทคโนโลยีที่สามารถดูดไขมันไปพร้อมกับการยกกระชับผิวได้ในคราวเดียวกัน

• เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับจาก US FDA และ อย.ไทย

• บริเวณที่ดูดไขมัน ผิวหนังจะเรียบเนียนขึ้น สามารถกำจัดเซลลูไลท์ ผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบ ได้

• เมื่อดูดไขมันด้วยวิธีนี้แล้ว แผลจะมีขนาดเล็กมากๆ เลือดออกน้อย ช้ำระบมน้อย

• ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้น สามารถกลับบ้านได้ทันที

ดูดไขมันเอวS ด้วย Vaser Smooth 2.2

Vaser Smooth 2.2 ในปัจจุบันสามารถดูดไขมันในพื้นที่เล็กๆ ได้ โดยการใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound Assisted Liposuction) ทำให้ชั้นไขมันแตกตัวเป็นของเหลว ง่ายต่อการดูดไขมันออกมา และเครื่อง Vaser Smooth 2.2 นี้สามารถดูดไขมันออกมาได้ในปริมาณมากๆ จึงเหมาะกับการดูดไขมันบริเวณเอวS อีกด้วยค่ะ

ข้อดีของ Vaser Smooth 2.2

• ดูดไขมันด้วยวิธีนี้มีความปลอดภัยสูง

• สามารถดูดไขมันออกมาได้ในปริมาณมาก ดูดไขมันได้เกลี้ยง

• เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับจาก US FDA และ อย.ไทย

• ช่วยลดการเกิดรอยฟกช้ำได้เป็นอย่างดี

• หลังดูดไขมันเสร็จ แผลจะมีขนาดเล็ก และสามารถกลับบ้านได้ทันที

ดูดไขมัน เอวS มีขั้นตอนยังไง ?

1. คุณลูกค้าต้องเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินก่อนดูดไขมันเอวนะคะ

2. หมอจะทำการวาดรูป Mark ตำแหน่ง วัดสัดส่วน และถ่ายรูปบริเวณที่จะทำการดูดไขมันเอว S

3. ทำความสะอาดบริเวณที่จะดูดไขมันเอว S และบริเวณใกล้เคียง จากนั้นจะฉีดยาชาในบริเวณที่จะทำการเปิดแผล

4. เปิดแผลเล็กๆ ประมาณ 0.2 – 0.5 มิลลิเมตร ในขั้นตอนนี้คุณลูกค้าจะรู้สึกไม่เจ็บแล้วนะคะ

5. ใส่ Tumescent หรือยาชาผสมน้ำเกลือเข้าไปในชั้นไขมัน ทำให้คุณลูกค้ารู้สึกสบายในขั้นตอนการดูดไขมันด้วยค่ะ

6. เริ่มดูดไขมันเอว โดยเทคนิคที่ใช้ในขั้นตอนนี้ของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป หมอจะทำการออกแบบให้คุณลูกค้าเฉพาะบุคคล

7. เย็บปิดปากแผล ซึ่งจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติเลยค่ะ หลังจากดูดไขมันครบ 7 วันแล้ว หมอจะนัดเข้ามาตัดไหมที่คลินิกนะคะ

8. หลังจากดูดไขมันครบ 2 สัปดาห์แล้ว หมอจะนัดเข้ามาทำตัวกระชับผิว RF และเลเซอร์ลดบวมด้วยนะคะ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีสุดของคุณลูกค้านั่นเองค่ะ

“หลังทำ” ดูดไขมัน เอวS ต้องดูแลตัวเองยังไงบ้าง?

• ควรทำความสะอาดแผล

ควรทำความสะอาดแผลทุกวันตามคำแนะนำของแพทย์

• ห้ามแผลโดนน้ำ

ห้ามแผลโดนน้ำหลังดูดไขมัน 7 วัน ดังนั้นจึงควรงดอาบน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลโดนน้ำ และแนะนำให้เช็ดตัวแทนการอาบน้ำ

• ควรใส่ชุดกระชับ

ในเดือนแรก ควรใส่ชุดกระชับ 22-24 ชั่วโมง/วัน และ 2-6 เดือนถัดมา ใส่ 12 ชั่วโมงขึ้นไป

• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารหมักดอง

ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารหมักดอง รวมถึงอาหารทะเล อาหารดิบหรืออาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ และการสูบบุหรี่ ประมาณ 2-4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการอับเสบ และติดเชื้อ

• ควรงดออกกำลังกาย และงดยกของหนัก

ควรงดออกกำลังกาย และการยกของหนักๆ หลังดูดไขมันประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลเปิด

• ต้องทานยาตามที่แพทย์สั่ง

ควรรับประทานยาจนครบตามที่แพทย์สั่ง

• ควรมาพบแพทย์ตามนัด

หลังทำการดูดไขมันควรเข้ามาพบแพทย์ตามนัด เพื่อเช็คผล และติดตามผลการรักษา

• หลังตัดไหม สามารถอาบน้ำได้ปกติ

หลังตัดไหม สามารถอาบน้ำได้ปกติ แต่ควรรีบเช็ดตัวให้แห้งสนิท

การใส่ชุดกระชับเอวS สำคัญยังไง?

การดูดไขมันเอวออกมานั้นเป็นการกำจัดไขมันที่สะสมอยู่ในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยอยู่ระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ ดังนั้นหลังจากที่เราดูดไขมันเอวออกมาแล้ว จึงเกิดช่องว่างภายใต้ผิวขึ้น ช่องว่างนี้จะมีลักษณะเป็นโพรง เราจึงต้องรีบปิดช่องว่างนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวอยู่ในสภาวะย้วยหรือหย่อนคล้อย เอวของเราจะได้กระชับเข้าที่เร็วขึ้น

การใส่ชุดกระชับบริเวณเอวสามารถใส่ชุดกระชับของหน้าท้องได้ เนื่องจากเป็นบริเวณต่อเนื่องกัน ใช้ร่วมกันได้ การใส่ชุดกระชับเป็นหนึ่งในวิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมันที่สำคัญมากนะคะ เพราะสัดส่วนของเราจะเข้าที่เร็วขึ้นหรือช้าขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการสวมชุดกระชับสัดส่วนด้วย ยิ่งสวมนานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ผิวหนังติดกับกล้ามเนื้อได้เร็วเท่านั้น โดยเราแนะนำให้ใส่ชุดกระชับเอว 24 ชม. เป็นเวลาหนึ่งเดือน หรือเลือกใส่ในเวลาที่เราสะดวก เพื่อให้เอวของเราเข้าที่สวยได้เร็วขึ้น

ประโยชน์ของชุดกระชับ

• ช่วยลดผลข้างเคียงจากการดูดไขมันเอวเอส

• ลดอาการบวมเขียวช้ำบริเวณเอว เพราะชุดกระชับจะทำหน้าที่กดทับในบริเวณที่เลือดออกและทำให้เลือดหยุดไหล ทำให้ลดอาการบวมช้ำได้

• ช่วยลดการเกิดแผลเป็น หรือคีลอยด์

• ช่วยรีดน้ำเกลือที่ยังเหลือภายในร่างกาย

• คนไข้ฟื้นตัวเร็ว ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น

• ลดการเกิดก้อนแข็งเป็นไต หลังดูดไขมันเอว

ดูดไขมัน เอวS น้ำหนักจะลดไหม?

หลายคนคงมีความสงสัยว่าทำไมบางคนน้ำหนักเท่ากัน แต่สัดส่วนบริเวณเอวกลับต่างกัน เป็นเพราะว่าแต่ละคนมีปริมาณกล้ามเนื้อ ไขมัน และน้ำในร่างกายไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับอาหารที่กินเข้าไป ไลฟ์สไตล์ในแต่ละวัน และการดูแลตัวเองนั่นเองค่ะ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่อยากมีเอวบาง เอวเอส และต้องการประหยัดเวลา จึงมักจะเลือกวิธีการ ดูดไขมันเอว เป็นทางออก ให้กับตัวเอง แต่ “การดูดไขมันเอว ไม่ ทำให้น้ำหนักลดลง” แต่อย่างใดนะคะ เนื่องจากมวลไขมันจะเบากว่าน้ำ จึงอาจจะไม่ได้ทำให้น้ำหนักลดลงหรือบางคนอาจจะลดลงก็ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เพราะฉะนั้นการ ดูดไขมันเอว ไม่ได้ทำให้น้ำหนักลด แต่เป็นแค่การลดไขมันส่วนเกิน และกระชับสัดส่วนเท่านั้น หากดูดไขมันเอวไปแล้วและไม่อยากให้ไขมันบริเวณนี้กลับมาอีกก็ยังคงต้องออกกำลังกายและควบคุมอาหารร่วมด้วยนะคะ